29.10.12

ขนมไทย : ขนมครก (สูตรแป้งสำเร็จรูป)





 

สูตรนี้รับรองว่าสามารถนำไปใช้ได้จริงแน่นอนค่ะ การันตีโดยแม่ค้าขายขนมครกอย่าง "แม่เล็ก เข้มพิมพ์" ผู้เป็นเจ้าของสูตรขนมครก (สูตรแป้งสำเร็จรูป) นี้ เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ให้ท่านผู้สนใจสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ค่ะ . . .

ส่วนผสม:
แป้งข้าวเจ้า (ใช้ข้าวขาวธรรมดา) อย่างดี 1/2 กิโลกรัม
หางกะทิสด 2 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปี๊บ (น้ำตาลมะพร้าว) 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเจ้าเทลงภาชนะ ค่อยๆ เติมหางกะทิเบื้องต้นประมาณ 200 cc. คนแป้งกับหางกะทิให้เข้ากัน ถ้าแห้งไปค่อยๆ เติม และนวดจนกว่าเนื้อแป้งทั้งหมดจะเป็นก้อน มีความนิ่มของเนื้อแป้งกับหางกะทิพอประมาณ จากนั้นตักแบ่งออกไว้ต่างหาก 2 ช้อนโต๊ะ
2. นำแป้งที่เหลือนวดเข้าด้วยกันกับน้ำตาลปี๊บ โดยนำเนื้อแป้งค่อยๆ ผสมกับน้ำตาล และเหยาะหางกะทิลงไปพร้อมๆ กัน แล้วค่อยๆ นวดให้เนื้อแป้งเข้ากับน้ำตาลและหางกะทิ จนได้เนื้อแป้งผสมกับน้ำตาลปี๊บและหางกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกัน พร้อมหยอดเป็นเนื้อขนมครกส่วนแรก

ส่วนผสม :
หน้าขนมครกแป้งขนมครกที่นวดและแบ่งไว้ในส่วนที่ 1 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิสด 1 กิโลกรัม
น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ :
1. นำเนื้อแป้งที่แบ่งไว้ใส่ลงในภาชนะแล้วละลายให้เข้ากับหัวกะทิ พร้อมใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเป็นส่วนผสมเดียวกัน ส่วนผสมนี้ใช้เป็นหน้าขนมครก

วิธีหยอดขนมครก :
1. ติดไฟใส่เตา (ใช้เตาถ่านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางพอๆ กับเบ้าขนมครก) เมื่อถ่านในเตาติดไฟจนแดงหมดทุกก้อน (ควรใช้ถ่านก้อนเล็กๆ) นำเบ้าขนมครกตั้งบนเตา ใช้ลูกประคบชุบน้ำมันหมู เช็ดเบ้าขนมครกทุกเบ้าจนควันขึ้นอ่อนๆ นำลงจากเตาแล้วให้นำขี้เถ้าโรยบนเตาจนไม่เห็นก้อนถ่านจนทั่ว
2. นำเบ้าขนมครกตั้งไฟอีกครั้ง เช็ดน้ำมันออกจนเบ้าสะอาดแต่ยังมีน้ำมันเกาะอยู่ในเบ้า
3. พอร้อนได้ที่ ตักเนื้อขนมครกส่วนแรกหยอดลงเบ้า ก่อนตักให้คนเนื้อขนมครกที่เป็นแป้งละลายหางกะทิเสียก่อน เพราะเนื้อแป้งอาจนอนก้น การหยอดให้หยอดไป 3 ใน 5 ของเบ้า
4. จากนั้นหยอดส่วนที่เป็นหน้าขนมครกอีก 2 ใน 5 หรือจนเต็มพอดีกับเบ้าขนมครก เสร็จแล้วปิดฝาคอยจนเนื้อขนมครกสุก

แต่ถ้าเราต้องการใส่หน้าต่างๆ เช่น ต้นหอม ข้าวโพด มันต้ม เผือกต้ม ฝอยทอง หรืออื่นๆ ให้หยอดหลังจากหยอดเนื้อที่เป็นหน้าขนมครกส่วนที่ 2 นี่เอง

สูตรนี้จะใช้เตาถ่านและน้ำมันหมู เพื่อรสและกลิ่นของขนมครกที่ลงตัวจนเป็นสูตรเฉพาะตัวที่หลายคนติดใจ แต่ถ้าไม่สะดวกจะปรับแต่งเป็นเตาแก๊สหรือใช้น้ำมันพืชตามความสะดวกของท่านก็ได้

ที่มา : นิตยสารแม่บ้าน


26.10.12

ขนมไทย : บัวลอยเบญจรงค์ไข่หวาน




ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว 400 กรัม
น้ำดอกอัญชัน 7 ช้อนโต๊ะ
น้ำคั้นใบเตย 7 ช้อนโต๊ะ
น้ำดอกเฟื่องฟ้า 7 ช้อนโต๊ะ
แครอทนึ่งสุกบดละเอียด 50 กรัม
ฟักทองนึ่งสุกบดละเอียด 100 กรัม
ไข่ไก่ 4 ฟอง
น้ำตาลทราย 300 กรัม
น้ำต้มสุก 3 ถ้วยตวง
ใบเตย 4 ใบ
หัวกะทิข้นๆ 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น ½ ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเหนียวประมาณ 50 กรัม มาผสมกับน้ำดอกอัญชันทีละน้อยจนเป็นก้อน นวดจนเนื้อแป้งเนียน ปั้นเป็นก้อนกลมเล็กขนาดประมาณ ½ เซนติเมตร ทำวิธีเดียวกันนี้กับส่วนผสมอื่นๆ จนได้เม็ดแป้งบัวลอยครบ 5 สี
2. นำหัวกะทิมาผสมเกลือป่น ใส่ใบเตยตั้งไฟคนตลอดเวลาอย่าให้ส่วนผสมแตกมัน พอเริ่มร้อนจัดใกล้เดือดปิดไฟยกลง สำหรับทำเป็นนหน้าขนม
3. ผสมน้ำตาลทรายและน้ำต้มสุกในกระทะทอง คนพอเข้ากัน น้ำขึ้นตั้งไฟคนเล็กน้อยรอให้เดือดเป็นฟองเล็ก ใส่เม็ดแป้งลงต้มทีละน้อยสลับกับตอกไข่ลงต้ม พอแป้งสุกลอยขึ้น ไข่สุกเป็นก้อนแข็งดีแล้วตักขึ้นใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ก่อนเสิร์ฟราดด้วยหัวกะทิข้นๆ

ที่มา : นิตยสาร แม่บ้าน

23.10.12

ขนมฝักบัว







ลักษณะขนมฝักบัว มีรูปร่างกลม ขอบหยักคล้ายใบบัวเนื้อขนมจะเหนียวนุ่ม

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้าหอมมะลิ 135 กรัม
แป้งข้าวเหนียว 33 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 38 กรัม
น้ำตาลทราย 75 กรัม
กะทิ 217 กรัม
เกลือ 1 กรัม
ไข่ไก่ 110 กรัม
กล้วยหอมขูดละเอียด 15 กรัม
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลปีบ เกลือ ไข่ไก่ เข้าด้วยกันแล้วเติมกะทิทีละน้อย นวดจนแป้งข้าวกันและเหนียวดี จึงใส่น้ำตาลทราย นวดต่อไปจนน้ำตาลทราย ละลายหมด จึงนำกล้วยหอมมายีให้ละเอียดใส่ลงไปในส่วนผสม แล้วนวดให้เข้ากัน จึงค่อย ๆ เติมน้ำกะทิที่เหลือคนให้แป้งข้นเล็กน้อย นำกระทะ
(ควรใช้ใบเล็ก) ตั้งไฟใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟขนาดกลาง พอน้ำมันร้อน ตักแป้งหยอดลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ พอแป้งเหลืองดีแล้วใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มกลับขนมอีกด้านหนึ่งทอดจนเหลืองดี จึงนำขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน

ในการทำส่วนผสมของแป้งที่นวดได้ที่แล้วควรมีลักษณะคล้ายนมข้น ถ้าแห้งให้เติมน้ำลงไปทีละน้อย แล้วหมักไว้ 1 ชั่วโมงก่อนนำไปทอด กระทะที่ใช้ทอดควรมีก้นลึก ขณะทอดใช้ไม้ปลายแหลมปักยึดขนมไว้ตรงกลางกระทะ หมั่นตักน้ำมันรดขนมให้ทั่วเพื่อให้สุกสม่ำเสมอ ขอบแป้งจะขึ้นมาเป็นสัน ส่วนกลางขนมจะนูนขึ้น ทอดขนมทีละอัน

ในการทำขนมไทยจะต้องใช้ศิลป ความชำนาญและความอุตสาหะเป็นที่ตั้ง ผู้เขียนหวังว่าผู้สนใจทุกท่านคงไปทดลองทำจะได้มีขนมอร่อยๆไว้รับประทานกันทุกวันหรือไว้เป็นของฝากก็จะประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ



22.10.12

บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน



ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือก 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม

วิธีทำ
1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือจนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด
2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง
3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้ ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง) ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน
6. ตักใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

20.10.12

ขนมครก (ข้าวกล้อง)

ขนมครก (ข้าวกล้อง)

ส่วนผสม
ข้าวกล้อง 2 ถ้วยตวง
ข้าวสุก (ข้าวกล้อง) ½ ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม
เกลือ 2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง
ฟักทองนึ่งหั่นสีเหลี่ยม
เผือกนึ่งหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ไว้สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
1. ข้าวกล้องแช่น้ำค้างคืนไว้ 1 คืน
2. ผสมข้าวกล้อง มะพร้าวขูดขาว ½ ถ้วยตวง ข้าวสุกและเกลือ นำไปโม่ให้ละเอียด
3. คั้นมะพร้าวที่เหลือให้ได้หัวกะทิประมาณ 2 ถ้วยตวง หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
4. หัวกะทิผสมน้ำตาลทรายแดง คนให้ละลายหางกะทิใส่ลงไปในแป้งคนให้เข้ากัน
5. ใช้น้ำมันเช็ดเบ้าขนมครกที่ตั้งบนไฟขนาดกลางจนร้อน ตักแป้งขนมใส่ทอดจนสุก

18.10.12

กระเช้าสีดา

กระเช้าสีดา

ส่วนผสม
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
น้ำดอกไม้ 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. นวดแป้งสาลีกับน้ำมันพืชให้เข้ากันใส่ไข่แดงลงนวดทีละฟองนวดจนแห้งเนียมนิ่มใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมพักไว้ประมาณ 10 -15 นาที
2. แบ่งแป้งทีละน้อยลงในพิมพ์กระเช้าใส่ถาดนำเข้าอบไฟกลางจน แป้งสุกยกลงพักไว้ให้เย็น
3. ผสมน้ำตาลทราย น้ำลอยดอกไม้ตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายเหนียวเป็นยางมะตูม ใส่มะพร้าวลงคลุกกับน้ำเชื่อมให้ทั่วกันจนน้ำเชื่อมแห้ง
4. ตักมะพร้าวใส่ลงในกระเช้าจัดให้สวยงามแล้ววางผึ่งลมให้แห้งจึงจัดใส่ภาชนะ

16.10.12

ขนมช่อม่วง

ขนมช่อม่วง

ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้าแห้ง 2 ถ้วย
แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ½ ถ้วย

วิธีทำ
1. ขยำดอกอัญชันกับน้ำร้อน แล้วกรองให้สะอาด ใส่น้ำมะนาวลง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำจะกลายเป็นสีม่วง
2. ใส่ลงผสมกับแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม แป้งมัน คนให้เข้ากัน พอแป้งละลายไม่เป็นลูก นำไปกรอง แล้วตั้งไฟกวนจนแห้งกลิ้งจึงยกลง พอคลายร้อนแตะกะทิแล้วนวดให้นิ่ม ปั้นเป็นก้อนเท่า ๆ กันพักไว้

ส่วนผสมไส้ขนม
ชิ้นฟักเชื่อม 2 ขีด
ถั่วลิสงคั่ว ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
งาคั่วบุบพอแตก 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา
มันหมูแข็งต้มสุกหั่นเป็นสี่เหลี่ยม ¼ ถ้วย

วิธีทำ
1. หั่นชิ้นฟักชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ถั่วลิสงคั่วซอยบาง ๆ นำส่วนผสมทั้งหมดลงคนบนไฟอ่อน ๆ สักครู่ยกลงพอร้อนยกลง
2. แผ่แป้งที่ปั้นพักไว้ให้บางตักไส้ใส่ หุ้มให้มิด ใช้แหนบหยิบ หยิบให้เป็นกลีบ นำไปนึ่งในรังถึงที่รองด้วยใบตองซึ่งทาด้วยหัวกะทิให้ทั่ว นึ่งนาน 5 นาที ก่อนยกลงพรมด้วยหัวกะทิ



15.10.12

ขนมต้มขาว ต้มแดง

ขนมต้มขาว ต้มแดง

ส่วนผสมต้มขาว
แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
น้ำเปล่าหรือน้ำใบเตย 1/3 ถ้วย
น้ำตาลมะพร้าวอบอย่างแห้งตัดสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาด 1 เซนติเมตร
อบควันเทียนไว้ล่วงหน้า 1 วัน
มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นฝอยคลุกกับเกลือป่นพอมีรสเค็ม

วิธีทำ
1. นวดแห้งกับน้ำใบเตยจนละเอียดนุ่มพอปั้นได้
2. น้ำใส่หม้อตั้งไฟให้เดือดพล่าน
3. หยิบแห้งก้อนโตประมาณเท่ากับน้ำตาลแผ่ออก หยิบน้ำตาล 1 ก้อนวางลงตรงกลางห่อให้มิด ใส่ในหม้อน้ำเดือดพอขนมลอยแปลว่าสุก ตักขึ้นใส่น้ำเย็น ตักใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ เกลือกมะพร้าวให้ทั่ว จัดลงจานมะพร้าวที่เหลือโรยข้างหน้าข้างบนหมายเหตุ อาจจะใส่ไส้หน้ากระฉีกกวนให้เหนียว ปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ แทนน้ำตาลก็ได้

ส่วนผสมของต้มแดง
แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
มะพร้าว 2 ½ ถ้วย (ขูดด้วยกระต่ายจีน)
น้ำตาลมะพร้าว 1 ½ ถ้วย
น้ำดอกมะลิ ¼ ถ้วย

วิธีทำ
1. ผสมน้ำกับน้ำตาลตั้งไฟพอเดือดทั่วแล้ว ยกลงกรองแล้วกลับใส่หม้อตั้งไฟกลาง ๆ ใส่มะพร้าวลงกวนต่อไปประมาณ 10 นาที
2. นวดแป้งกับน้ำเย็นพอปั้นได้ ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ½ นิ้ว3. ตั้งน้ำให้เดือด หยิบแป้งที่ปั้นไว้เป็นก้อนกลม ๆ บีบให้แบนนิดหน่อยใส่ลงต้มพอสุก ตั้งขึ้นใส่หน้ากระฉีกคนให้เข้ากัน

12.10.12

ข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง






ส่วนผสม
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 500 กรัม
หัวกะทิ (มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม) 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
ขมิ้นโขลก 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมหน้ากุ้ง
กุ้งชีแฮ้หรือกุ้งกุลาดำ 100 กรัม
มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วย
รากผักชีหั่น ใบมะกรูดซอย อย่างละ 1 ช้อนชา
กระเทียม 5 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะสีผสมอาหารสีส้มเล็กน้อย

วิธีทำ
1. ซาวข้าวเหนียว 2 ครั้ง แช่น้ำผสมขมิ้นไว้ 1 คืน นำขึ้นใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

2. ผสมหัวกะทิ น้ำตาล เกลือ เข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลาย
3. นึ่งข้าวเหนียวให้สุก โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที นำข้าวเหนียวสุกใหม่ ๆ เทใส่ชามผสม ใส่กะทิที่ผสมไว้ (ส่วนผสมข้อ 2) คนให้ทั่ว ปิดไว้ประมาณ 20 นาที ใช้พายคนให้ข้าวเหนียวระอุทั่ว ปิดฝาทิ้งไว้อีก 10 นาที ก็จะได้ข้าวเหนียวเหลืองรับประทานกับหน้ากุ้ง

วิธีทำหน้ากุ้ง
1. ล้างกุ้งแกะเปลือก เด็ดหัวเด็ดหาง สับหยาบ ๆ
2. โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชี เข้าด้วยกันให้ละเอียด
3. มะพร้าวผสมสีส้มเตรียมไว้
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟ ใส่เครื่องที่โขลก ผัดให้หอม ใส่กุ้ง ผัดพอทั่ว จึงใส่มะพร้าว ผัดให้ทั่ว ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ พอละลาย ยกลง โรยใบมะกรูด คลุกเคล้าให้ทั่ว


11.10.12

ลอดช่องน้ำกะทิ

ลอดช่องน้ำกะทิ

ส่วนผสมตัวลอดช่อง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
น้ำปูนใส 5 ถ้วย
น้ำใบเตยคั้นสด 1/4 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำกะทิ
น้ำตาลปี๊บอย่างดี 2 ถ้วย
น้ำกะทิ 2 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 3/4 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
นวดแป้งกับน้ำปูนใส โดยใส่น้ำปูนใสทีละน้อยแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปกวนด้วยไฟปานกลาง ใส่น้ำใบเตย พอแป้งใกล้สุกลดไฟลงเหลือไฟอ่อนๆ กวนจนแป้งเนียนคล้ายใบเตยสังขยา จากนั้นเตรียมเครื่องกดกับกะละมังใส่น้ำเย็นจัด เพื่อรองตัวลอดช่อง

ทีนี้ก็มากดตัวลอดช่องกันดีกว่า การกดตัวลอดช่องเดี๋ยวนี้เขามีเครื่องกดขาย แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีเครื่องกดก็ไม่ต้องห่วง เพราะว่าสามารถเอาผ้าขาวบางมาเจาะรูแล้วบีบแทนก็ได้ หรือ หากระป๋องผลไม้มาเจาะรูและเอาขวดที่ล้างสะอาดกดก็ได้ ถ้ากลัวยุ่งยากก็ใช้ช้อนหยอดลงไปโดยตรงก็ได้เช่นกัน กดให้แป้งลอดช่องลงไปอยู่ในอ่างน้ำเย็นที่เตรียมไว้ ถ้าน้ำร้อนต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ตักลอดช่องใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ

เมื่อเราได้ตัวลอดช่องกันแล้ว ก็หันมาตั้งไฟทำน้ำกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ น้ำตาลปี๊บ น้ำลอยดอกมะลิ เกลือ เคี่ยวจนเดือดแล้วยกลง ตัดลอดช่องใส่ถ้วยราดด้วยกะทิ ใส่น้ำแข็งเสียหน่อยก็อร่อยแล้ว

9.10.12

KANOM KLUAY(Baked Banana Sweet)

KANOM KLUAY(Baked Banana Sweet)


Preparation

Ingredients

1 hand of banana
1 cup rice flour
1/4 cup tapioca flour
1 cup coconut milk
1/2 grated coconut
1 cup sugar
1/2 teaspoon salt
2.5 inches diameter,
50 pieces KRA-THONGS (banana leaves vessels)

Preparations

1. Crush the bananas and mix together with coconut milk, rice flour, tapioca flour, sugar, 1/2 cup grated coconut until the sugar is well blend.
2. Put the sweet into the KRA-THONGS, garnish each of them with the grated coconut.
3. Steam the sweet over the high heat. Remove from the heat when the sweet is cooked.


 


6.10.12

KANOM PUI FAI (Fluffy Cup-shaped Desserts)



Ingredients

1 cup wheat flour,

2 duck eggs,

1 1/2 cup lime juice,

1 cup sugar,

1 teaspoon vanilla essence,

5 tablespoons water,

2-3 food colourings (or more), small cups (TA-LAI Cups) and small paper vessels, the same size as TA-LAI Cups

 

 

Preparations

1. Gradually add a little sugar into the beating eggs, the eggs will be fluffy.

2. Add a little of flour into the eggs and stir through until well done.

3. Mix the vanilla essence, lime juice and water together and add a little of it into the eggs, mix well.

4. Add the processing in (2.) and (3.) alternately. until no more flour.

5. Separate the flour (depend on the quantity or food colourings).

6. Drop a little of the colourings into each of flour, mix well. You'll get the pale colour flour.

7. Drop the flour into the small paper vessels (which place into the TA-LAI cups) fully. Place in the top layer SUENG (2 layer steam-pot)

8. Put the water 3/4 of bottom layer SUENG and Heat, wait till the water is boiled Place the top layer SUENG on the bottom layer SUENG and cover. Steam for about 15 minutes. The desserts will be fluffy.



 

5.10.12

Mock Pomegranate Seeds in Coconut Ice Syrup Dessert Recipe(Thap Thim Krawp)

Mock Pomegranate Seeds in Coconut Ice Syrup Dessert Recipe(Thap Thim Krawp)

INGREDIENTS:
1 cup canned water chestnut, cut into small cubes
1/2 cup tapioca flour
150 grams sugar
3/4 cup coconut milk
3/4 cup water

Red food coloring, crushed ice

 

PREPARATION:

1. Mix the food coloring with some water soak the water chestnut for 10 minutes, drain and coat with tapioca flour. Shake off any excess flour.

2. Bring water to a boil, put in the floured water chestnut Boil until they float to the surface, remove with a slotted spoon and drop in cold water. Drain and wrap in a cheesecloth.

3. Combine the sugar and water in a pot, boil over medium heat until it becomes syrupy. Add the coconut milk and stir to combine. Remove from the heat.

4. Mix 3 tablespoons of ruby pearls with sufficient amount of coconut syrup and some crushed ice.

 

Tip: Tapioca flour can be substituted by com flour.

 

3.10.12

ขนมกล้วย

ขนมกล้วย

ส่วนผสม

กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกยีให้เละ 3 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิข้นๆ 1 ถ้วยตวง


วิธีทำ
1.นำกล้วยที่ยีแล้ว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาล เกลือและกะทิผสมกัน เคล้าให้เข้ากันดี
2.ตักส่วนผสมนี้ลงในถ้วยตะไล หรือห่อด้วยใบตอง หรือถาดก็ได้ และโรยด้วยมะพร้าวขูด ซึ่งเคล้ากับเกืลอป่นเล็กน้อย
3.นำไปนึ่งในลังถึงที่น้ำกำลังเดือด ประมาณ 20 นาทีจึงยกลง
หมายเหตุ กล้วยที่ใช้ควรเป็นกล้วยที่สุกงอม เพราะจะทำให้มีรสหวานอร่อย

ทองม้วนสดและทองม้วนกรอบ






ส่วนผสม
แป้งสาลีร่อนแล้ว 1 กิโลกรัม
มะพร้าวขูดขาว 1 กิโลกรัม
ไข่ไก่ 10 ฟอง
งาดำคั่วแล้ว 1 /2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำปูนใส 1 + 1 /4 ถ้วย
น้ำ 1 /2 ถ้วย
น้ำมันสำหรับทาพิมพ์ทองม้วน 1 ถ้วย

**สำหรับทองม้วนสด ให้เพิ่มน้ำใบเตยคั้นข้นๆ 2 ช้อนโต๊ะและสีเขียวใบเตยเล็กน้อย

วิธีทำ
1.คั้นมะพร้าวด้วยน้ำอุ่น 3 ถ้วยเพื่อให้ได้หัวกะทิ 5 ถ้วย
2.ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลเข้าด้วยกันในอ่างผสม
3.ต่อยไข่ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน ใส่หัวกะทิ เกลือ น้ำปูนใส น้ำ คนให้เข้ากัน (สำหรับทองม้วนสด อย่าลืมใส่น้ำใบเตยคั้น และหยดสีเขียวใบเตยลงไปด้วย)
4.ค่อย ๆ เทส่วนผสมกะทิ ลงในส่วนผสมแป้งทีละน้อย ๆ คนให้เข้ากันดี
5.นำพิมพ์ทองม้วนมาอังไฟ ใช้ไฟอ่อน อังจนพิมพ์ร้อนจัด จึงทาน้ำมันให้ทั่วพิมพ์ทั้งสองด้านแล้วอังไฟให้ร้อนอีกครั้ง ตักแป้งหยอดบนพิมพ์ด้านหนึ่ง บีบพิมพ์ให้แน่น อังไฟสักครู่ พลิกกลับข้าง พอเหลือง สังเกตจากแป้งที่เกาะอยู่นอกพิมพ์ ยกพิมพ์ออกจากเตา (สำหรับทองม้วนสด ให้ผิงแป้งแค่พอให้แป้งสุกใสเท่านั้น ระวังอย่าให้เหลือง) เปิดพิมพ์ ใช้ปลายมีดแซะขนมขึ้น ม้วนด้วยไม้แท่งกลม ๆ ทันที่ขณะที่ยังร้อนอยู่ ปล่อยให้เย็น จึงเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท

Tip**ทองม้วนสดและทองม้วนกรอบ ใช้วิธีทำและส่วนผสมเหมือนกัน ต่างกันก็เพียงแต่เวลาที่ใช้ในการผิงขนมเท่านั้นเอง ทองม้วนสดจะใช้เวลาผิงสั้นกว่า คือใช้เวลาเพียงแค่ให้แป้งพอสุกเท่านั้น และนิยมเติมน้ำใบเตยลงไปในส่วนผสมแป้งเพื่อเพิ่มกลิ่มหอมและสีให้ดูสวยงาม แต่ทองม้วนแบบกรอบนั้น จะใช้เวลาในการผิงขนมที่นานกว่า โดยจะต้องผิงให้แป้งเหลือง และต้องรีบม้วนขนมในขณะที่ยังร้อน เพราะถ้าเย็นแล้วขนมจะแข็งกรอบทำให้ม้วนไม่ได้**ถ้าต้องการให้แป้งบาง ก็สามารถเติมน้ำเพิ่มจากส่วนผสมได้อีก และก่อนที่จะตักแป้งใส่พิมพ์แต่ละครั้ง จะต้องรอให้พิมพ์ร้อนก่อนทุกครั้ง และต้องคนแป้งทุกครั้ง เพราะแป้งที่ผสมไว้จะนอนก้น