9.11.12

ขนมแป้งสิบไส้ปลา

ขนมแป้งสิบไส้ปลา

สำหรับมือใหม่หัดทำอย่างเราๆ คงต้องท่องเวลาทำไว้ว่า การนวดแป้งคือหัวใจสำคัญของความอร่อย
สูตร แป้งสิบ หรือ ปั้นขลิบ แล้วแต่ใครจะเรียกนี้ ทำได้ประมาณ 400 ตัว เพราะสูตรที่ได้นี้มีมายาวนาน 43 ปี กับชื่อของคุณกบ แห่งร้านขนมแป้งสิบที่ตลาดสหกรณ์ศาลาน้ำเย็น เป็นป้ายประกันรับรองความอร่อย แป้งที่เนียวนุ่มเป็นพิเศษของสูตรนี้ เข้าคู่กันกับชาเขียวที่ชงจากผงชนิดเข้มข้น ช่วยดับกลิ่นคาวของปลาได้ดีที่สุด

ส่วนผสมสำหรับแป้ง :
แป้งมันตรามังกรจีน 1/2 กิโลกรัม
แป้งข้าวเจ้า ตราช้างสามเศียร 1/4 กิโลกรัม
แป้งข้าวเจ้าชูถิ่น 1/4 กิโลกรัม
น้ำสะอาด

ส่วนผสมสำหรับไส้ปลา :
เนื้อปลาตาเดียว 1/2 กิโลกรัม, นึ่งจนสุก แกะเอาเนื้อออกแล้วยีตีให้ฟู
หอมแดงซอยละเอียด 1/2 กิโลกรัม
รากผักชี 2-3 ต้น
กระเทียม 1/2 ขีด
พริกไทยบด 1/4 ขีด
ถั่วลิสงคั่วบด 1/2 ขีด
น้ำตาลปี๊บ 1 ขีด
น้ำตาลทราย 1 ขีด
น้ำปลา และเกลือ

วิธีทำ :
เริ่มทำไส้ปลาโดยโขลกรากผักชี พริกไทย และกระเทียมในครกจนละเอียด
นำไปผัดในกระทะน้ำมันด้วยไฟร้อนปานกลางจนหอม
เติมหอมแดง ผัดจนโทรม เติมน้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทราย ปรุงรสด้วยน้ำปลาและเกลือเล็กน้อย
จากนั้นเติมเนื้อปลา ผัดให้หอม หรี่ไฟลงอ่อน กวนจนแห้ง
เติมถั่วลิสง คั่วจนเข้ากันดี ยกลงจากเตาแล้วพักไว้
จากนั้นเป็นการทำแป้ง โดยร่อนแป้งทั้งสามลงในชามผสม รินน้ำทีละน้อย
ใช้มือกวนและบี้จนจับกับเป็นก้อนนิ่มๆ ก้อนใหญ่ นวดแล้วปั้นให้เป็นก้อน เจาะรูตรงกลางให้เหมือนโดนัทเพื่อไล่อากาศ

จากนั้นนำลงต้มในหม้อน้ำเดือดนานหนึ่งนาที ใช้กระชอนสะเด็ดน้ำ
แล้วนำมานวดด้วยมือ โดยขยำและบี้ให้เนื้อที่ยังเป็นผงตรงกลางแตกและเริ่มกลายเป็นเนื้อเดียวกันเยาะน้ำใส่ทีละนิด ขณะคลึงนวดให้ได้เนื้อเหนียว ทำซ้ำอีกครั้งโดยเจาะรูตรงกลางแล้วนำลงต้มอีกครั้งแต่ครั้งนี้นาน 10 นาที หรือจนแป้งสุก

สังเกตได้ว่าแป้งจะลอยตัวขึ้นบนผิวน้ำ ใช้กระชอนสะเด็ดน้ำ นำส้อมมาจิ้มเพื่อระบายอากาศ แล้วใช้มือนวดให้ได้ความนิ่มเหมือนก้นเด็ก

จากนั้นนำไปแช่ในน้ำอุณหภูมิปกติให้คลายร้อน ประมาณ 10-20 นาที แล้วนำมาสะเด็ดน้ำเพื่อนวดอีกครั้ง จากนั้นแบ่งออก ปั้นแล้วคลึงให้เป็นแผ่นบางๆ

นำไส้ปลาที่เตรียมไว้มาใส่ แล้วจับจีบที่ขอบให้เป็นเกลียวโดยพยายามอย่าให้เก็บอากาศตรงกลาง
จากนั้นนำไปนึ่งแล้วทาด้วยน้ำมันพืชเพื่อป้องกันการติดกัน

สูตรอร่อยจาก : คุณกบ ร้านขนมแป้งสิบ ตลาดสหกรณ์ ศาลาน้ำเย็น ถ.วัดสุธาวาส

ที่มา : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย